วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ความเป็นมาหัวหิน

    หัวหิน ฐานะที่เป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศที่มีชื่อเสียงมากอีกที่หนึ่งในประเทศไทย หัวหิน มีภูมิประเทศงดงาม น้ำทะเลที่ใส และหาดทรายที่ขาว รวมทั้งอากาศบริสุทธิ์ หัวหินนั้น จึงเป็นที่ที่รู้จักกันดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมทั้ง หัวหิน เป็นที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง
ก่อนที่จะมาเป็น หัวหิน ที่เรารู้จักกันดี ของชาวไทยและต่างชาตินั้น สถานที่แห่งนี้ มีเรื่องราวความเป็นมากว่าร้อยกว่าปี  หัวหิน จึงมีความประทับใจที่ถูกบันทึกไว้ในมากมาย ทั้งบทความ  ภาพถ่าย สำหรับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของ หัวหิน และสำหรับผู้ที่กำลังจะประทับใจ หัวหิน.

วันอังคารที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2553

สถานที่ท่องเที่ยวชะอำ

       สปา ชะอำ มีให้นักท่องเที่ยว เลือกใช้บริการ หลายสถานที่ด้วยกัน สปา ชะอำ แต่ละที่ มีเอกลักษณ์ ที่แตกต่างกัน นักท่องเที่ยว นิยมมาใช้ บริการที่ สปา ชะอำ

        ชะอำยังเป็นสถานที่ตั้งของพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ด้วยไม้สักทองที่มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นสวยงามยิ่ง นอกจากนั้นในเขตอุทยานประวัติศาสตร์มฤคทายวัน อันเป็นที่ตั้งของศูนย์ ศึกษาและวิจัยสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธรที่สามารถเยี่ยมชมศึกษาระบบนิเวศน์ป่าชายเลนได้

วันจันทร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2553

หัวหิน

     หัวหิน เป็นสถานที่ตากอากาศที่ติดชายทะเล หาดทรายหัวหิน เป็นหาดทรายกว้างยาว น้ำทะเลหัวหินที่ใส กว่าปราณบุรี และหาดอื่นๆที่ใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นชะอำหรือ หาดเจ้าสำราญ และหัวหินมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และรีสอร์ทเปิดใหม่ มีโรงแรมระดับ5ดาว มีเกส์ทเฮ้าสท์ ใกล้ชายทะเลหัวหิน หัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับโลก ให้มาสัมผัสกับบรรยากาศอาบแดดพักผ่อนอยู่กันครั้งละหลายวัน

และชายหาดหัวหิน เริ่มตั้งแต่เขตหาดสนามบินหัวหินจรดหาดแถวรีสอร์ทชีวาสม และเลยถัดไปเป็นหาดเขาตะเกียบ เขาเต่า และปราณบุรี ตามลำดับ

วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2553

ข่าวประชาสัมพันธ์ เทศบาลเมืองชะอำ

      ชะอำ เชิญเที่ยวงานประจำปีประเพณีสงกรานต์ ปี 2553 ซึ่งจัดขึ้น ในวันที่ 13 เมษายน 2553 ณ. เทศบาลเมืองชะอำ และชายหาดชะอำหน้าโรงแรมลองบีชชะอำในงานก็จัดให้มี กิจกรรมมากมายครับ ได้แก่ ทำบุญตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์ รับพรปีใหม่จากประธานสงฆ์อำเภอชะอำรับพรปีใหม่จากข้าราชการผู้ใหญ่อำเภอชะอำ สรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่จากชุมชน จำนวน 108 คน และในช่วงบ่ายมีกิจกรรม การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน เช่น วิ่งกระสอบ วิ่งสามขา ตีกอล์ฟ มวยทะเล การแสดงดนตรี จึงข้อเชิญชวนมาเที่ยวกันครับ

วันพุธที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553

อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน



               อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งมีพื้นที่ที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่ ในกิ่งอำเภอหนองหญ้าปล้อง และอำเภอท่ายาง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีความสมบูรณ์ เป็นทั้งป่าและเป็นทั้งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำเพชรบุรี และแม่น้ำปราณบุรี ซึ่งมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง เช่น น้ำตก ทะเลสาบ  ถ้ำ หน้าผาที่สวยงาม และเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีพื้นที่มากที่สุดของประเทศไทย คือมีเนื้อที่ประมาณ 2,915 ตารางกิโลเมตร

วันอังคารที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553

วนอุทยานเขานางพันธุรัต



        วนอุทยานเขานางพันธุรัต

เนื่องมาจากพระราชดำริ ของในหลวงเพื่อที่จะอนุรักษ์สถานที่เกี่ยวข้องกับตำนานเรื่อง “สังข์ทอง” เขานางพันธุรัตที่มีลักษณะคล้ายผู้หญิงกำลังนอนนอน ซึ่งตามที่ตำนานนั้นกล่าวเอาไว้ว่าเป็นร่างของนางพันธุรัตที่กลายเป็นภูเขา ซึ่งภายในวนอุทยานจะประกอบด้วย บ่อชุบตัวพระสังข์ ถ้ำแจง   หุบวังเรือ ถ้ำมะยมเมรุนางพันธุรัต กระจกนางพันธุรัต และ คอกช้าง เป็นต้น สำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและชอบความท้าทายด้วยการปีนเขา และสามารถเห็นภาพมุมสูงของชะอำและบริเวณใกล้เคียงใด้อย่าง
ชัดเจน

วันศุกร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2553

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

           พระราชนิเวศน์มคฤทายวัน พระตำหนักริมทะเล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ชมพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระราชวังริมทะเล ชะอำ
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบการท่องเที่ยวชมสถานที่ที่สวยงามด้านประวัติศาสตร์ เรามีที่แนะนำเป็นพระราชวัง
พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง
พระราชวังที่วว่าคือ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ระหว่างชะอำและหัวหินในค่ายพระรามหก ถ้ามาจากชะอำไปตามถนนเพชรเกษม ประมาณ 9 กิโลเมตร จะเห็นค่ายพระรามหกอยู่ทางซ้ายมือ  เมื่อเข้ามาในค่ายพระรามหกจะเห็นอุทยานนานาชาติสิรินธร สามารถจอดรถเข้าไปชมข้างในได้ ข้างในเป็นศูนย์ให้ความรู้เผยแพร่และฝึกอบรมระดับสากลด้านการอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ

 ราคาบัตรเข้าเยี่ยมชมสถานที่
ผู้ใหญ่ 30 บาท
เด็ก (อายุ 10-15 ปี) 15 บาท
รายได้ร่วมทำนุบำรุงพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน

วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2553

หาดชะอำ

          "ชายหาดชะอำ" ดินแดนแห่งหาดทราย สายลม เกลียวคลื่น และแสงแดดที่ทอดยาวกว่า 24 กิโลเมตร มีถนนเลียบชายหาดที่ยาวกว่า 4 ก.ม. จึงเป็นชายหาดที่เหมาะสำหรับกีฬาทางน้ำ กิจกรรมกลางแจ้งในวันพักผ่อนแบบสบาย ๆ ของครอบครัวและผองเพื่อน
อำเภอชะอำ อยู่ห่างจากตัวเมือง 41 กม. มีทางแยกซ้ายเข้าชายหาด ระยะทางประมาณ 2 กม. เป็นชายหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบุรี เดิมชะอำเป็นเพียงตำบลหนึ่ง ขึ้นอยู่กับอำเภอ หนองจอก แต่ภายหลังที่หัวหินมีชื่อเสียง ที่ดินแถบชายทะเลถูกจับจองหมด พวกเจ้านายชั้นผู้ใหญ่สมัยนั้น จึงพยายามหาสถานที่พักผ่อนแห่งใหม่ โดยการนำของสมเด็จกรมพระยานราธิปประพันธ์พงศ์ และได้ พบว่าหาดชะอำเป็นชายหาดที่สวยงามไม่แพ้หัวหิน ชะอำจึงเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา ชะอำได้รับการพัฒนาเจริญเติบโตขึ้น และยกฐานะเป็นอำเภอจนปัจจุบัน

การเดินทาง : จากสี่แยกไฟแดงชะอำ เลียบไปตามถนนนราธิป โดยมุ่งสู่ทิศตะวันออกไปประมาณ 1 กม.

การรถไฟแห่งประเทศไทย : จัดขบวนการรถไฟพิเศษนำเที่ยวกรุงเทพฯ-ชะอำ ทุกวันหยุด

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

ชะอำความเป็นมา


    เดิมชะอำมีชื่อว่า “ ชะอาน ” เล่ากันว่าในสมัยกรุงศรีอยุธยาครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และสมเด็จพระเอกาทศรถ ยกทัพมาทางใต้ ทรงนำทัพมาทางใต้ ทรงนำทัพมาที่เมืองนี้เพื่อไพร่พล ช้าง ม้าและล้างอานม้า จึงได้ชื่อว่า “ ชะอาน ” ต่อมาชื่อนี้จึงเพี้ยนมาเป็น “ ชะอำ ” ชะอำครั้งอดีตเริ่มมีความเจริญทางด้านทางท่องเที่ยว ตั้งแต่ทางรถไฟสายใต้สร้างมาถึงในราวปี 2459 ชายหาดชะอำเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่รู้จักกันมานานแล้ว แต่ในอดีตยังไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร จนกระทั่งปี พ.ศ. 2464 พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารในสมัยนั้นได้ออกสำรวจพื้นที่ชายทะเลที่ชะอำ ได้ทรงมาจับจองที่ดินชายทะเลตำบลชะอำ ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นตำบลในเขตการปกครองของอำเภอนายางพื้นที่ชายทะเลชะอำเมื่อสำรวจครั้งแรกยังเป็นป่าอยู่ ส่วนด้านชายทะเลเป็นดงกระบองเพชรป่าหนามเสมาสลับกับต้นมะขามเทศและต้นรัก ชาวบ้านชะอำส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่สับปะรด และทำการประมง หมู่บ้านชะอำนั้นตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟบ้านชะอำทางทิศตะวันตกของทางรถไฟหมู่บ้านชายทะเลนี้เป็นเป็นเพียงหมู่บ้านเล็กๆ ที่บ้านปากคลอง และบ้านหนองแจง เมื่อชะอำเริ่มเป็นที่รู้จักว่า เป็นเมืองชายทะเลที่สงบเงียบ ธรรมชาติสวยงาม อีกทั้งมีแหล่งน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ทำให้มีราษฎรอพยพมาปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากชุมชนเล็กๆขยายตัวเป็นชุมชนใหญ่มีการรวมตัวจัดตั้งเป็นหมู่บ้าน ให้ชื่อว่าหมู่บ้าน “ สหคาม ” โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้าแต่งตั้งพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงษ์เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกพระบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงวางผังเมืองชะอำ วางผังตัดถนน และมีพระประสงค์เพื่อให้ชะอำเป็นที่พักตากอากาศตามแผนพัฒนาชะอำที่พระองค์ได้จัดทำขึ้น โดยมีกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี และพระยามโนปกรณ์ฯ ร่วมเป็นที่ปรึกษา แผนพัฒนาชะอำมุ่งที่จะสร้างความเจริญให้ชะอำทั้งด้านสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ พร้อมทั้งการให้บริการด้านการท่องเที่ยวด้วย แบ่งการพัฒนาเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกและระยะยาว ระยะแรกเป็นการจัดสรรที่ดินชายทะเลด้านทิศตะวันตก สำหรับแผนระยะยาวมุ่งที่จะสร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองและจัดตั้งเป็นชุมชนพักผ่อนตากอากาศการพัฒนาชะอำได้ดำเนินไปตามแนวทางที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้วางไว้ระยะหนึ่ง จนต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องการเจริญเติบโตในเขตชุมชนชายทะเลชะอำ อันเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศ จึงมีพระราชดำริตั้งกรรมการวางแผนพัฒนาบริเวณชายทะเลชะอำ ให้เป็นสถานที่ตากอากาศสมบูรณ์แบบ โดยมีการสร้างสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆอาทิเช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ถนนหนทาง โรงเรียน ฯลฯ และจึงโปรดเกล้าให้ร่างพระราชบัญญัติการจัดสร้างบำรุงสถานที่ท้องที่ชายทะเลทิศตะวันตก พุทธศักราช 2469 ขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ ในปีพุทธศักราช 2469
สภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตกเป็นนิติบุคคลมีการสำรวจและกำหนดเขตของสภาฯ คือตั้งแต่หนองตาพดจนถึงเขาเต่า ในขอบเขตกว้างขนานกับทางรถไฟไปทางทิศตะวันตกเป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร มีพื้นที่รวมโดยประมาณ 182 ตารางกิโลเมตร และมีหน้าที่ดำเนินการจัดให้มีขึ้นอีกทั้งแก้ไขปรับปรุงบำรุงการคมนาคม การประปา ไฟฟ้า รวมถึงการออกแบบวางแผนผัง หรือกำหนดโครงการสำหรับการพัฒนาเมือง การปลูกสร้างโรงเรียนและการโยธาอื่นๆ ภายในเขตสภาฯ ให้มีพร้อมและให้ดียิ่งขึ้น สภาฯแห่งนี้จึงนับได้ว่าเป็นการปกครองตนเองระบอบเทศบาล เช่น ในปัจจุบัน รายได้ของสภาฯในการปรับปรุงกิจการท้องถิ่น ได้มาจากการเก็บจังกอบจากราษฎรในท้องถิ่นโดยคิดอัตราจากประเภทของที่ดินเป็นเกณฑ์ อนึ่งในการโอนกิจการสภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตกให้แก่เทศบาล ได้มีการแบ่งพื้นที่เป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งจัดตั้งเป็นเทศบาลตำบลหัวหินและส่วนหนึ่งจัดตั้งเป็นตำบลชะอำ โดยกำหนดแนวแบ่งเขตเทศบาลตำบลชะอำกับเทศบาลตำบลหัวหิน โดยยึดแนวบริเวณสนามบินบ่อฝ้ายเป็นเส้นแบ่งพื้นที่ส่วนที่แบ่งให้กับเทศบาลตำบลหัวหิน ประมาณ 72 ตารางกิโลเมตร นับเป็นที่ส่วนที่มีความเจริญมากในสมัยนั้น มีบริการด้านสาธารณูปโภคต่างๆครบถ้วน อาทิ ไฟฟ้า ประปา การรถไฟและโรงเรียน สำหรับพื้นที่ส่วนที่แบ่งให้กับเทศบาลตำบลชะอำ 110 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยพื้นที่ของเทศบาลตำบลชะอำ และตำบลห้วยทรายเหนือ ซึ่งขณะนั้นยังขึ้นอยู่กับอำเภอหนองจอกจังหวัดเพชรบุรี สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นทุ่งนา ทุ่งหญ้าและป่ารกต่างๆ มากมาย มีสถานที่สำคัญที่อยู่ในเขตเทศบาลตำบลชะอำ คือ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน (ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณกองกับการ 1 กองบังคับฝึกพิเศษค่ายพระรามหก) เทศบาลตำบลชะอำเมื่อแรกตั้งมี นายยัง อ่วมสำอางค์ เป็นนายกเทศมนตรีคนแรก จากชุมชนชายทะเลเล็กๆ สู่การจัดตั้งเป็นหมู่บ้านสหคามในสมัยรัชกาลที่ 6 มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนต่อมามีการออกพระราชบัญญัติ จัดตั้งเป็นสภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตก ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงยกฐานะ เป็นเทศบาลตำบลชะอำ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง เทศบาลตำบลชะอำ พ.ศ. 2480 อยู่ในเขตตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และยกฐานะจากเทศบาลตำบลเป็นเทศบาลเมือง ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 13 ก.พ.47 งานที่สภาฯจัดทำขึ้น คือ ถนนสายร่วมจิตต์ตลอดแนวชายทะเล ตั้งแต่บ้านปากคลองถึงบ้านหนองแจง อีกทั้งตัดถนนจากสถานีรถไฟบ้านชะอำ ไปบรรจบกับถนนร่วมจิตต์ ณ สามแยกชายทะเลชะอำปัจจุบันหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนถึงปีพุทธศักราช 2479 รัฐสภาพิจารณาเห็นว่าการดำเนินงานของสภาฯ แห่งนี้คล้ายกับเทศบาล จึงมีมติให้โอนกิจการและทรัพย์สินทั้งหมดของสภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตกให้แก่เทศบาล โดยตราเป็นพระราชบัญญัติยกเลิกและโอนกิจการสภาจัดบำรุงสถานที่ชายทะเลทิศตะวันตกให้แก่เทศบาล และมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลตำบลชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในปีพุทธศักราช 2480 เพื่อรองรับสภาฯที่ได้ยกเลิกไป